Air Compressor ใช้กับโรงงานอุตสาหกรรมอย่างไร

Air Compressor แบบใดที่เหมาะแก่การติดตั้งในโรงงานอุตสาหกรรม

 Air Compressor ในโรงงานอุตสาหกรรม

การใช้งาน Air Compressor ในโรงงานอุตสาหกรรม มีวิธีการใช้งานหลายวิธีและยังมีประโยชน์ต่าง ๆ ตามการใช้งานและความต้องการของโรงงานอุตสาหกรรม Air Compressor สามารถใช้ในการสร้างแรงดันอากาศ เพื่อใช้ในการขับเคลื่อนเครื่องจักรหรือเครื่องมือต่าง ๆ ในโรงงาน เช่น เครื่องเจาะ, ปั๊มน้ำ, ปั๊มน้ำมัน, ปั๊มลม, การเดินเครื่องจักรอัตโนมัติ เป็นต้น แรงดันอากาศเป็นพลังงานที่มีประสิทธิภาพสูงและสามารถถ่ายโอนไปยังเครื่องจักรได้ง่ายและสะดวก นอกจากนี้ยังสามารถปรับแต่งแรงดันอากาศให้เหมาะสมกับแต่ละการใช้งานได้ด้วย

แรงดันอากาศสามารถใช้ในการเป่าเพื่อล้างและทำความสะอาดเครื่องมือ อุปกรณ์ หรือพื้นผิวต่าง ๆ ภายในโรงงาน เช่น การเป่าล้างเศษเหล็ก, การไล่ฝุ่นผง, การทำความสะอาดเครื่องจักร เป็นต้น อีกทั้งยังสามารถใช้ในกระบวนการควบคุมและช่วยเสริมในการทำงานของเครื่องจักรและระบบต่าง ๆ ในโรงงาน เช่น การใช้เป็นชุดควบคุมแรงดันในการทำงานของวาล์ว การใช้ในระบบอัตโนมัติเพื่อควบคุมกระบวนการผลิต เป็นต้น

จะเห็นได้เลยว่าในธุรกิจโรงงานอุตสาหกรรมทุกประเภท ต้องมีเครื่องมือ เครื่องจักร หรืออุปกรณ์ที่เข้ามาช่วยในการเพิ่มลมอัดภายในโรงงาน และเครื่องจักรนั้นมีชื่อเรียกว่า Air Compressor หรือเครื่องปั๊มลม เป็นตัวช่วยสำคัญในการเพิ่มแรงลมภายในโรงงานผลิต เพราะฉะนั้นการเลือกประเภทของ Air Compressor ก็ค่อนข้างเป็นเรื่องสำคัญเนื่องจากโรงงานอุตสาหกรรมเป็นโรงงานขนาดใหญ่ ซึ่งในการเลือกใช้เครื่องปั๊มลมให้เหมาะสมนั้นก็ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่างไม่ว่าจะเป็น ประเภทของสินค้า ขนาดของโรงงาน หรือสถานที่ตั้งของโรงงาน เพราะถ้าหากโรงงานตั้งอยู่ในเขตชุมชนก็อาจจะก่อให้เกิดการรบกวนบุคคลอื่นได้ เพราะฉะนั้นก่อนอื่นเลยเราต้องมาทำความรู้จักกับประเภทของ Air Compressor ก่อนเลยว่ามีแบบใดบ้าง และเหมาะกับการใช้งานอย่างไร

ประเภทของ Air Compressor ที่นิยมใช้ในโรงงานอุตสาหกรรม

  • เครื่องอัดอากาศแบบไดอะเฟรม (Diaphragm Air Compressor) เป็นเครื่องปั๊มลมที่ใช้แผ่นไดอะเฟรมเคลื่อนที่ขึ้นลงเพื่อบีบอัดและส่งมอบอากาศ แผ่นไดอะเฟรมเป็นแผ่นที่ยืดหยุ่นและเคลื่อนที่ไปมาภายในลักษณะเดียวกับการอัดอากาศ มักให้แรงดันอากาศที่ต่ำกว่าประเภทอื่น ๆ และเหมาะสำหรับงานที่ต้องการความปริมาณอากาศน้อย ๆ แต่มีความรวดเร็วในการสร้างแรงดัน สามารถปรับได้ตามความต้องการ

  • เครื่องอัดอากาศแบบลูกสูบ (Reciprocating Air Compressor) เป็นเครื่องปั๊มลมที่ใช้หลักการของการเคลื่อนที่ของลูกสูบ (piston) ซึ่งเคลื่อนที่แบบขึ้น-ลง ในกระบวนการบีบอัดและส่งมอบอากาศ มีลักษณะคล้ายกับการทำงานของเครื่องยนต์เบนซินที่ใช้ลูกสูบ ให้แรงดันอากาศสูงและมีความเสถียร

  • เครื่องอัดอากาศประเภทสกรู (Screw Air Compressor) เป็นเครื่องปั๊มลมที่ใช้หลักการหมุนของสกรู เพื่อสร้างการบีบอัดและส่งมอบอากาศ มีโครงสร้างที่เป็นสองสกรูหมุนภายในกระบวนการ สกรูหมุนเข้าหากันเพื่อสร้างช่องเปล่าในการบีบอัดและปั๊มอากาศ เครื่องอัดอากาศประเภทสกรู มีประสิทธิภาพสูงและสามารถให้แรงดันอากาศสูงได้ นอกจากนี้ยังส่งเสียงน้อยมากๆ เปรียบเทียบกับเครื่องปั๊มลมประเภทอื่น ๆ มักนิยมใช้ในงานที่ต้องการแรงดันอากาศสูง และต้องทำงานตลอดเวลา เช่น ในโรงงานผลิตอาหาร, โรงงานผลิตยา, และอุตสาหกรรมเซรามิก

  • เครื่องอัดอากาศประเภทใบพัดเลื่อน (Sliding Vane Rotary Air Compressor) เป็นเครื่องปั๊มลมที่ใช้หลักการของการเคลื่อนที่ของใบพัดเลื่อน (sliding vane) เพื่อสร้างการบีบอัดและส่งมอบอากาศ ใบพัดเลื่อนจะหมุนเพื่อสร้างแรงดันอากาศ จุดเด่นของเครื่องอัดอากาศประเภทนี้ คืออากาศที่ออกมานั้นมีแรงดันที่คงมาก เนื่องจากใบพัดเลื่อนมีการหมุนที่เรียบและสม่ำเสมอ

  • เครื่องอัดอากาศแบบกังหัน (Radial and Axial Flow Air Compressor) เป็นเครื่องปั๊มลมที่ใช้หลักการของการเคลื่อนที่ของอากาศผ่านใบพัด เพื่อบีบอัดและส่งมอบอากาศ มีใบพัดกังหันค่อยทำหน้าที่ดูดลมเข้าจากด้านหนึ่งไปอีกด้านหนึ่ง ตามแกนกังหันที่หมุน ซึ่งอัตราการจ่ายลมก็จะขึ้นอยู่กับความเร็วและลักษณะของใบพัด โดยสามารถกระจายแรงลมได้ตั้งแต่ 170 – 2,000 ลูกบาศก์เมตรต่อนาทีเลยทีเดียว

  • เครื่องอัดอากาศแบบใบพัดหมุน (Roots Air Compressor) เป็นเครื่องปั๊มลมที่ใช้หลักการของการหมุนของใบพัดหมุน (rotating lobes) เพื่อสร้างการบีบอัดและส่งมอบอากาศ เมื่อโรเตอร์เริ่มทำงานจะทำให้ลมถูกดูดเข้าไปจากฝั่งหนึ่งไปอีกฝั่งหนึ่ง มีโครงสร้างที่เรียบง่ายและนิยมใช้ในงานที่ต้องการการบีบอัดอากาศในแบบที่ไม่มีน้ำมันหรือควันผสมในอากาศ เครื่องอัดอากาศประเภทนี้ต้องใช้ความร้อนและอุณหภูมิที่ดี ทำให้มีต้นทุนในการผลิตที่สูง

หลักการเลือกAir Compressor

การเลือกเครื่องอัดอากาศ (Air Compressor) ควรพิจารณาความต้องการของงานและความเหมาะสมของเครื่องอัดอากาศเพื่อให้มีประสิทธิภาพในการทำงานของคุณ ซึ่งสิ่งที่ควรพิจารณาก่อนเลือก Air Compressor มีดังนี้

  1. แรงดันลม (Pressure) แรงดันลมหรือความกดอากาศคือแรงดันของอากาศที่ถูกบีบอัดให้เข้าสู่ระบบ ความต้องการในแรงดันลมขึ้นอยู่กับงานที่ต้องการ หากคุณต้องการใช้งานที่ต้องการแรงดันสูง เช่น ในการใช้งานในโรงงานผลิตที่ต้องการให้แรงดันลมสูง คุณควรเลือกเครื่องอัดอากาศที่มีความสามารถในการให้แรงดันลมที่ตรงตามความต้องการของงาน

  2. ปริมาณลมที่ต้องการใช้ (Volume of Air) ปริมาณลม คือปริมาณอากาศที่เครื่องอัดอากาศสามารถให้ได้ในหนึ่งนาที ความต้องการในปริมาณลมขึ้นอยู่กับงานที่ต้องการ หากคุณต้องการใช้งานที่ต้องการปริมาณลมมาก เช่น ในการใช้งานเครื่องจักรหรือเครื่องกลในโรงงาน คุณควรเลือกเครื่องอัดอากาศที่มีปริมาณลมสูงเพื่อให้คุณสามารถทำงานได้อย่างเร็วและมีประสิทธิภาพ

การใช้งาน Air Compressor ในโรงงานอุตสาหกรรมมีประโยชน์มากมายและมีหลายรูปแบบในการประยุกต์ใช้ ขึ้นอยู่กับความต้องการและประเภทของโรงงาน และควรพิจารณาปัจจัยต่าง ๆ เช่น ปริมาณและแรงดันอากาศที่ต้องการ ประสิทธิภาพการใช้พลังงาน และค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษา ในการตัดสินใจเลือกใช้ Air Compressor ให้เหมาะสม สามารถเลือกใช้เครื่องปั๊มลมจาก McEnergy ได้เพราะที่นี่ เป็นบริษัทที่จัดจำหน่ายเครื่องปั๊มลม ระบบคูลลิ่งทาวเวอร์ ระบบปรับอากาศที่เหมาะแก่การติดตั้งในโรงงานอุตสาหกรรม มี Air Compressor ให้เลือกใช้งานได้ตามความต้องการและความเหมาะสม

บริษัท แม็คเอนเนอยี อีโวลูชั่น จำกัด บริษัทผู้ให้บริการออกแบบและติดตั้ง Air Compressor ระบบปรับอากาศ ระบบคูลลิ่งทาวเวอร์ และระบบซิลเลอร์ ภายในอาคารสำนักงานและโรงงานอุตสาหกรรมแบบครบวงจร คัดสรรวัสดุอุปกรณ์ที่ได้คุณภาพจากทั่วโลก คำนึงถึงความต้องการของลูกค้า เพื่อให้ได้เครื่อง Air Compressor ที่ได้มาตรฐานผ่านการบริการอย่างมืออาชีพจากวิศวกรและช่างเทคนิค ที่ผ่านการฝึกอบรม เพื่อให้ออกมาเป็นระบบปรับอากาศที่ได้ประสิทธิภาพ รองรับมาตรฐาน ISO9001

 

ผู้นำด้าน Air Compressor ระบบปรับอากาศได้คุณภาพ ระดับโรงงานอุตสาหกรรม เซลล์
โดย บริษัท แม็คเอนเนอยี อีโวลูชั่น จำกัด

พร้อมให้บริการ ด้วยทีมงานคุณภาพ ประสบการณ์ยาวนาน มาตรฐานสากล 

Hotline: 02-509-3211 , 090-9839009
Email : admin@mcenergy-evo.com