ทำไมการอัปเกรด Chiller Plant ถึงช่วยลดค่าไฟได้มากกว่าที่คิด?

สาเหตุทำไมหลายๆองค์กรจึงนิยมเปลี่ยน Chiller Plant เก่าเป็นรุ่นใหม่ๆ

ทำไมการอัปเกรด Chiller Plant ถึงช่วยลดค่าไฟได้มากกว่าที่คิด?

ในยุคปัจจุบันที่ประเทศไทยกำลังเผชิญกับความท้าทายด้านพลังงาน และ สิ่งแวดล้อม การจัดการระบบทำความเย็นในอาคารขนาดใหญ่ เช่น สำนักงาน โรงแรม โรงพยาบาล หรือ โรงงานอุตสาหกรรม กลายเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อค่าใช้จ่าย และ ประสิทธิภาพการดำเนินงาน Chiller Plant หรือ ระบบชิลเลอร์ ซึ่งเป็นหัวใจหลักของระบบปรับอากาศ (HVAC) ในอาคารเหล่านี้ มักเป็นผู้บริโภคพลังงานไฟฟ้าที่มากที่สุด โดยคิดเป็นสัดส่วนถึง 30-50% ของค่าไฟฟ้าทั้งหมดในอาคาร การอัปเกรด Chiller Plant จึงไม่ใช่แค่การเปลี่ยนอุปกรณ์ใหม่ แต่เป็นกลยุทธ์ที่ช่วยลดค่าไฟได้อย่างมีนัยสำคัญ โดยบางโครงการสามารถประหยัดพลังงานได้ถึง 40-70% ซึ่งมากกว่าที่หลายคนคาดคิด ดังนั้นบทความนี้จะเจาะลึกถึงเหตุผลที่การอัปเกรด Chiller Plant ช่วยลดค่าไฟได้มาก หลักการทำงาน สาเหตุที่ระบบเก่าทำให้สิ้นเปลืองพลังงาน  เพื่อให้ผู้อ่านเข้าใจ และ สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในอาคารของตนเอง

 

ทำความรู้จักกับ Chiller Plant คืออะไร? และ ทำงานอย่างไร?

เราจะทราบว่า Chiller Plant เป็นระบบทำความเย็นขนาดใหญ่ที่ใช้ในอาคารเพื่อผลิตน้ำเย็นสำหรับระบบปรับอากาศ โดยหลักการทำงาน คือ การดูดซับความร้อนจากน้ำในระบบ และ ระบายออกสู่ภายนอก ทำให้อาคารมีอุณหภูมิที่เหมาะสมสำหรับการใช้งาน ในประเทศไทย ซึ่งมีสภาพอากาศร้อนชื้นตลอดปี Chiller Plant จึงเป็นอุปกรณ์ที่จำเป็นสำหรับอาคารสูง โรงแรม และ โรงงานอุตสาหกรรม

โดยหลักการทำงานของ Chiller Plant เป็นระบบ Chiller Plant ที่ประกอบด้วยส่วนหลักๆ ดังนี้

  • Chiller Unit: เป็นหัวใจหลักของระบบ ใช้หลักการทำความเย็นแบบ Compression Cycle โดยคอมเพรสเซอร์อัดก๊าซทำความเย็น (Refrigerant) ให้มีแรงดันสูง จากนั้นระบายความร้อนผ่านคอนเดนเซอร์ (Condenser) และ ขยายตัวในอีวาโปเรเตอร์ (Evaporator) เพื่อดูดซับความร้อนจากน้ำ
  • Cooling Tower: เป็นระบบระบายความร้อนจากน้ำร้อนที่ออกจาก Chiller โดยใช้อากาศ และ การระเหยไอน้ำ
  • Pumps and Piping: ปั๊มน้ำเย็น และ น้ำร้อนเพื่อใช้ในการหมุนเวียนในระบบ
  • Control System: ระบบควบคุมอัตโนมัติ เช่น Variable Frequency Drive (VFD) ที่ปรับความเร็วคอมเพรสเซอร์ตามการโหลดความเย็น

ซึ่งในระบบเก่า Chiller มักใช้คอมเพรสเซอร์แบบ Fixed Speed ซึ่งทำงานเต็มกำลังตลอดเวลา ทำให้สิ้นเปลืองพลังงานอย่างมาก แต่ระบบใหม่ๆที่ใช้เทคโนโลยี Variable Speed ที่ปรับตามความต้องการจริงจะช่วยให้มีประโยชน์ในด้านต่างๆ

 

สาเหตุที่ Chiller Plant เก่าเป็นอีกหนึ่งในการทำให้ค่าไฟสูง

Chiller Plant ที่ใช้งานมานานกว่า 10-15 ปี มักมีปัญหาที่ทำให้สิ้นเปลืองพลังงานอย่างมาก โดยเฉพาะในประเทศไทยที่มีอุณหภูมิสูง และ ความชื้นมาก ซึ่งทำให้ Chiller มักจะทำงานหนักขึ้นซึ่งสาเหตุที่ Chiller มักไม่ตอบโจทย์มีดังนี้ เช่น 

  1. ประสิทธิภาพลดลงตามเวลา
    • การสึกหรอของชิ้นส่วน: คอมเพรสเซอร์ คอนเดนเซอร์ และ อีวาโปเรเตอร์สึกหรอ จะทำให้ประสิทธิภาพ (COP: Coefficient of Performance) ลดลงจาก 3.5-4.0 เหลือ 2.0-2.5 ซึ่งหมายถึงใช้พลังงานมากขึ้นเพื่อผลิตความเย็นเท่าเดิม
    • การสะสมตะกรัน: ใน Cooling Tower ตะกรันจากน้ำกระด้างจะสะสม ทำให้การระบายความร้อนลดลง ส่งผลให้ Chiller ทำให้ใช้พลังงานมากขึ้น 10-20%

    ตัวอย่าง: ในอาคารสำนักงานเก่า Chiller ที่มีอายุ 20 ปีอาจจะต้องใช้พลังงานสูงกว่า Chiller ใหม่ถึง 30-50% ตามข้อมูลจาก DEDE

  2. เทคโนโลยีล้าสมัย
    • Fixed Speed Compressor: เป็นระบบที่ทำงานเต็มกำลังตลอดเวลา ทำให้สิ้นเปลืองเมื่อต้องโหลดต่ำ (เช่น กลางคืน) ส่งผลให้ค่าไฟสูงกว่า ระบบ Variable Speed Compressor ถึง 20-40%
    • ระบบควบคุมแบบ Manual: ไม่สามารถปรับตามสภาพอากาศ หรือ โหลด ทำให้ใช้พลังงานเกินจำเป็น

    ตัวอย่าง: จากการศึกษาของ ASHRAE (American Society of Heating, Refrigerating and Air-Conditioning Engineers) Chiller เก่าอาจมี EER (Energy Efficiency Ratio) ต่ำกว่า 8 BTU/Watt ในขณะที่ Chiller ใหม่มี EER สูงถึง 12-15 BTU/Watt

     

  3. การรั่วไหล และ สูญเสียพลังงาน
    • การรั่วของ Refrigerant: ทำให้ระบบทำความเย็นลดลง และ ต้องเติมสารทำความเย็นบ่อยๆ จึงสิ้นเปลืองพลังงาน และ มีค่าใช้จ่ายมากกว่า
    • ฉนวนเสื่อมสภาพ: ทำให้สูญเสียความเย็นในท่อน้ำ ส่งผลให้ Chillerต้องทำงานหนักขึ้น

    ตัวอย่าง: การรั่วไหลของ Refrigerant เพียง 10% อาจเพิ่มการใช้พลังงานถึง 15-20% ตามข้อมูลจาก EPA (Environmental Protection Agency)

     

  4. การไม่บำรุงรักษา

    ขาดการตรวจสอบ: การขาดการดูแลอาจทำให้ปัญหาเล็กๆ เช่น ตะกรันสะสม หรือ ใบพัดสกปรก สะสมจนทำให้ค่าไฟสูงขึ้นได้
    ตัวอย่าง: จากรายงานของ DEDE การบำรุงรักษา Chiller ที่ไม่ดีอาจทำให้ประสิทธิภาพลดลง 20-30% ต่อปี

     

เทคโนโลยีที่นิยมใช้ในการอัปเกรด Chiller Plant

ปัจจุบันนั้น Chiller Plant ได้มีการพัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน และ ช่วยประหยัดต้นทุนได้อน่างมาก โดยเทคโนโลยีที่นิยมใช้ในปัจจุบันได้แก่ 

  1. High-Efficiency Chiller – เป็นเครื่องรุ่นใหม่ที่มีค่า COP สูงกว่าเดิมถึง 20–40%
  2. Variable Primary Flow System (VPF) – เป็นระบบที่ช่วยลดการใช้พลังงานของปั๊มโดยไม่ต้องใช้ Secondary Pump
  3. Cooling Tower Efficiency Upgrade – เป็นระบบที่พัดลมสามารถประกอบรอบได้ (VFD Fan) และ ยังมีตัวระบายความร้อนใหม่ที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้น
  4. Chiller Plant Manager Software – เป็นซอฟต์แวร์ที่ช่วยควบคุม และ ติดตามการใช้พลังงานตลอดเวลา
  5. IoT & Cloud Monitoring – เป็นเทคโนโลยีที่ทำให้ผู้บริหารสามารถตรวจสอบการใช้พลังงานผ่านมือถือแบบ Real-time

 

จากที่กล่าวมาทั้งหมดจะพบว่าการอัปเกรด Chiller Plant ไม่ใช่เพียงเรื่องของเทคโนโลยีใหม่เพียงเท่านั้น แต่คือ การลงทุนที่ให้ผลตอบแทนในรูปแบบการประหยัดพลังงานอย่างมหาศาล และ ยังช่วยเพิ่มความยั่งยืนให้กับองค์กรอีกด้วย หลายอาคารที่เริ่มต้นอัปเกรดต่างเห็นผลชัดเจนว่าค่าไฟฟ้าลดลงจริง และ ในหลายกรณีสามารถคืนทุนได้ในไม่กี่ปี ดังนั้น หากอาคารของคุณยังใช้ Chiller Plant รุ่นเก่ามานาน การพิจารณาอัปเกรด คือ ทางเลือกที่คุ้มค่าในระยะยาวมากกว่าที่คุณคิดแน่นอน

แต่หากกำลังมองหาการอัปเกรด Chiller Plant เราขอแนะนำ  McEnergy ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้าน ระบบความเย็น Chiller Plant ตามความต้องการ ทั้งสามารถติดตั้งได้หลากหลายรูปแบบรวมถึงการที่มีระบบน้ำหล่อเย็นคุณภาพสูง มีบริการครบวงจรสามารถให้คำปรึกษา ในการออกแบบการติดตั้ง และ เลือกใช้บริการแบบใด ก็ได้อย่างดีเนื่องจากมีผู้เชี่ยวชาญคอยให้คำแนะนำได้อย่างครบถ้วน และ ยังมีบริการบำรุงรักษา ทั้งยังมีบริการหลังการขาย บริการล้างทำความสะอาดทั้งระบบโดยทีมงานที่เป็นมืออาชีพพร้อมดูแลลูกค้าตลอด 24 ชม

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 
บริษัท แม็คเอนเนอยี อีโวลูชั่น จำกัด

Tel : 096 818 8067
Facebook : https://shorturl.asia/q1zy6
Line ID : https://lin.ee/o6vKra5
Email : admin@mcenergy-evo.com